Industrial Computer and Automation Solutions in Malaysia

Saturday, October 30, 2010

คอนโดฯ ทำไร่แนวตั้ง Vertical Farm Condo

           การปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ 200 ปีก่อนนั้นได้ทิ้งมรดกให้โลกอย่างหนึ่งครับ นั่นคือการแบ่งแยกระหว่างสังคมเมือง กับ สังคมชนบท สังคมเมืองทำงานในภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรม และงานที่ผลิตที่มีมูลค่าสูง ในขณะที่สังคมชนบทนั้นทำเกษตรกรรม แต่สิ่งนั้นจะไม่เป็นจริงอีกต่อไปแล้วล่ะครับ เมื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้ง ไอที นาโนเทคโนโลยี วิศวกรรมเครื่องกล เทคโนโลยีชีวภาพ วิศวกรรมไฟฟ้า กำลังจะย้ายเกษตรกรรมจากชนบทเข้ามาทำในเมือง ศาสตร์ในการทำการเกษตรแนวใหม่ กำลังได้รับความสนใจจากเจ้าเมือง (City's Governor) ใหญ่ๆ ทั่วโลกครับ ศาสตร์ที่ว่านั่นคือ เกษตรกรรมบนที่ (อาคาร) สูง หรือ Vertical Farming ครับ
ศาสตราจารย์ Dickson Despommier             ศาสตราจารย์ Dickson Despommier แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่บุกเบิกแนวคิดของการเกษตรกรรมบนอาคารสูง ท่านเชื่อสุดเชื่อครับว่า การเกษตรแบบใหม่นี้คือทางรอดของมนุษยชาติ โดยกล่าวว่า "อีก 50 ปีข้างหน้า ประชากรโลกจะเพิ่มจาก 6.2 พันล้านคนไปเป็น 9.5 พันล้าน แต่ตอนนี้เรากลับใช้พื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเกษตรไปแล้วถึง 80% เลยครับ ผมนึกไม่ออกว่าเมื่อถึงตอนนั้น การเกษตรแบบเดิมจะเลี้ยงคนทั้งโลกได้อย่างไร" 

        
     เกษตรแบบใหม่ จะเปลี่ยนการเกษตรจากที่เคยทำในแนวราบในชนบท มาเป็นการเกษตรแบบแนวดิ่งกลางเมืองใหญ่ Vertical Farming จะผลิตอาหารที่สังคมชนบทเคยผลิต ด้วยวิธีการที่ควบคุม พืชผลจะไม่ถูกรบกวนโดยสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็น พายุฝน ภัยแล้ง ดินเสีย การเกษตรแบบไม่ใช้ดินจะดันยอดผลผลิตขึ้นไปอีก 5-30 เท่า นอกเหนือไปจากนี้ Vertical Farming ยังช่วยลดภาวะโลกร้อน เพราะประมาณกันว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า ประชากรโลก 80% จะอาศัยในเมืองใหญ่ ดังนั้นการทำเกษตรกลางเมือง จะทำให้ไม่ต้องมีการขนส่งผลผลิตจากชนบทมาสู่เมือง ผลิตตรงไหน ก็บริโภคกันตรงนั้น อาคารที่ทำฟาร์มอาจมีซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายผลผลิตให้แก่คนเมืองไปในตัว ในเมื่อสังคมชนบทที่ทำการเกษตรไม่มีความจำเป็นแล้ว เราก็สามารถปล่อยพื้นที่ดังกล่าวกลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยการสร้างพท้นที่ป่าบนผืนเกษตรที่ทิ้งแล้ว เพื่อให้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ 
             ศาสตราจารย์ Dickson Despommier คำนวณว่าจะต้องมีการสร้าง Vertical Farm สัก 150 อาคารเพื่อเลี้ยงคนนิวยอร์คทั้งเมือง โดยฟาร์มบนตึกนี้จะผลิตได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ธัญพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ โดยแทบจะไม่จำเป็นต้องนำเข้าอาหารจากชนบทอีกต่อไป ไอเดียสุดเจ๋งของท่านกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก ตั้งแต่เนเธอร์แลนด์ จนถึง ดูไบ ผมจะมาเล่าต่อในตอนต่อไปนะครับว่า ต้นแบบ Vertical Farm มีหน้าตาอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ เพราะประเทศที่ทำเกษตรแบบดั้งเดิมอย่างประเทศไทย ได้รับผลกระทบแน่ครับ .........

 

(ตอนที่ 2)

 

มามาดูเทคโนโลยีที่ใช้ประกอบเป็นอาคาร สำหรับการทำไร่บนตึกกันนะครับ




  • เรื่องพลังงาน อาคารที่ใช้ทำไร่นั้นจะอาศัยพลังงานหมุนเวียนครับ แผง Solar Cell ที่อยู่เหนือยอดตึก ซึ่งสามารถที่จะหมุน ตามดวงอาฑิตย์ได้ กังหันลมจะดักลมเพื่อนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้า พืชผักเหลือทิ้ง หรือ มูลสัตว์ที่เลี้ยงในอาคาร จะถูกนำมาทำพลังงานชีวมวล
  • รูปทรงของอาคาร ต้องเป็นทรงกระบอก เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด กระจกของอาคารถูกเคลือบด้วย Titania เป็นกระจกที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ จะใสปิ๊งตลอดเวลา
  • อาคารทำไร่ จะถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ Smart Farm ซึ่งจะทำให้อาคารนี้ทำการเพาะปลูกพืช 24 ชั่วโมง ทั้งปีโดยไม่มีวันหยุด โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจสภาพแวดล้อม ตรวจการเจริญเติบโตของพืช ตรวจจับแมลง ตรวจจับความสุก ซึ่งสามารถเฝ้าดูจากหน้าจอมอนิเตอร์ของฟาร์ม
  • พืชพรรณที่ปลูกสามารถปลูกได้เกือบทุกอย่าง ทั้งผัก ผลไม้ ธัญพืช สามารถเลี้ยงปลา ไก่ หมู ได้ ศาสตราจารย์ Dickson Despommier แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้ออกแบบให้อาคารทำไร่นี้ 1 อาคาร สามารถเลี้ยงประชากรได้ 50,000 คนพืชที่ปลูกนั้นจะไม่ใช้ดิน โดยการจุ๋มรากในน้ำ หรือ ในอากาศ (แล้วสเปรย์ความชื้นกับสารอาหารให้) ทำให้สามารถใช้พื้นที่ปลูกแบบ 3 มิติได้ คือสามารถเรียงแปลกปลูกซ้อนๆ กันได้ ต่างจากเกษตรแบบเก่าที่ทำการเพราะปลูกได้เพียง 2 มิติ



  • น้ำ ที่เกิดจากการคายน้ำของพืชจะมีความบริสุทธิ์สูง เราสามารถเก็บน้ำที่เกิดจากการคายน้ำโดยการใช้ Moisture Collector ซึ่งจะนำน้ำมารวมกัน บรรจุขวดขายได้ เป็น น้ำจากการคายน้ำของพืช ซึ่งจะมีแบรนด์ที่คนสนใจดื่ม ศาสตราจารย์ Dickson Despommier ประมาณว่าในปีหนึ่งๆ อาคารนี้สามารถผลิตน้ำดื่มได้ 300 ล้านลิตร
  • น้ำเสียต่างๆ ที่เกิดจากกิจกรรมในอาคารนี้ สามารถกรอง และนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อรดน้ำพืชได้ ปัจจุบันเมืองใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริกาทิ้งน้ำที่บำบัดแล้ว ลงแม่น้ำลำคลองไปเปล่าๆ วันละ 7 พันล้านลิตร การมีระบบหมุนเวียนน้ำ จะทำให้อาคารนี้ผลิตของเสียน้อยมาก และใช้น้ำจากการประปาน้อยลง

 




(ตอนที่ 3)

  
             วันนี้ มาคุยต่อนะครับถึงการเกษตรแนวใหม่ ซึ่งย้ายการผลิตพืชพรรณธัญญาหาร จากชนบท มาสู่ตึกสูงในเมือง ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติการเกษตรอีกครั้งหนึ่ง เพราะหลังจากนี้ การเกษตรจะเป็นเรื่องของความแม่นยำ ไม่ต้องปล่อยให้ดินฟ้าอากาศมาเป็นผู้ตัดสินอีกต่อไปแล้วครับ 
             ศาสตราจารย์ Dickson Despommier แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้เสนอแนวคิดนี้คงจะดีใจไม่น้อยครับ ที่กรรมการเมือง Las Vegas ได้ตัดสินใจที่จะก่อสร้างอาคารสำหรับทำ Vertical Farming ขึ้นที่มหานคร Las Vegas ด้วยงบประมาณสูงถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย หวังว่าการทำไร่บนตึกสูงนี้จะทำกำไรด้วยความสามารถในการผลิตอาหารเลี้ยง ประชากรได้ 72,000 คน และยังจะเป็นจุดท่องเที่ยวได้อีกด้วย ซึ่งหากมองในแง่ของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว การสร้าง Vertical Farm ในเมืองอย่าง Las Vegas ที่อยู่กลางทะเลทราย เป็นอะไรที่เข้าท่าเข้าทางมาก เพราะจะทำให้เมืองนี้สามารถพึ่งพาตัวเองทางด้านอาหารได้ทำให้ลดการขน ส่งอาหารเข้ามาจากแหล่งอื่น อาคารสำหรับทำไร่แห่งนี้จะปลูกพืชกว่า 100 ชนิด ซึ่งรวมทั้งสตอเบอร์รี่ กล้วย ถั่วต่างๆ ซึ่งก็จะส่งพืชผลเหล่านั้นหล่อเลี้ยงโรงแรม และคาสิโนต่างๆ โครงการนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้วครับ ซึ่งจะเริ่มดำเนินกิจการในปี ค.ศ. 2010

ระบบบาร์โค้ดในงานอุตสาหกรรมการผลิต (Document RFID)

ระบบบาร์โค้ดในงานอุตสาหกรรมการผลิต
ในยุคปัจจุบันนี้บาร์โค้ดหรือรหัสแท่งเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตของคนเรา
คุณสามารถพบเห็นรหัสแท่งได้เกือบทุกสถานที่
ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าทั่วไป โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สถานกักขัง
ฟาร์ม หรือแม้กระทั่งบนสิ่งของต่าง ๆ ในบ้านของคุณ
รหัสแท่งเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราไปโดยปริยาย
หากแต่รหัสแท่งเหล่านี้คืออะไร และมันให้ประโยชน์อะไรบ้าง
.





มันไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณจะไม่รู้เรื่องและรู้สึกสับสนกับ
รหัสแท่งเหล่านี้ที่อยู่บนซองบรรจุอาหาร กล่องสินค้า ซองจดหมาย
สายรัดข้อมือคนไข้ในโรงพยาบาล และสิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย
ดูผิวเผินแล้วรหัสแท่งเหล่านี้มีลักษณะหน้าตาคล้าย ๆ กัน
แต่ในความเป็นจริงแล้วรหัสแท่งแต่ละอันนั้นมันแตกต่างกัน
ในแต่ละอุตสาหกรรมก็มีมาตรฐานของรหัสแท่งที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งจะอธิบายต่อไปภายหลัง หากคุณต้องการที่จะติดตั้งระบบการจัดการข้อมูล
โดยใช้รหัสแท่งแล้ว คุณต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ
เพื่อตัดสินใจเลือกใช้ระบบรหัสแท่งที่ถูกต้องเหมาะสม
กับธุรกิจและการใช้งานของคุณ
.
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว
คุณจะสามารถหาคำตอบที่คุณสงสัยเกี่ยวกับรหัสแท่ง
การทำงานของรหัสแท่ง เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกฃื้อ
เลือกหา และตัดสินใจเลือกใช้งานระบบการจัดการข้อมูล
โดยใช้รหัสแท่งให้เหมาะสมยิ่งขึ้น คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้
.
- ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรหัสแท่ง
- รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
- สแกนเนอร์ (Scanner)—แบบฟิกซ์ (Fixed), แบบแป้นพิมพ์ชนิดพกพา, และแบบไร้สาย
- การผนวกระบบจัดการข้อมูลโดยใช้รหัสแท่งเข้ากับระบบงานเดิมที่ใช้อยู่
- ซอฟต์แวร์ (Software) ระบบจัดการข้อมูลโดยใช้รหัสแท่ง
- การจัดพิมพ์รหัสแท่ง
- ลักษณะการประยุกต์ใช้งานและอุตสาหกรรมที่ใช้รหัสแท่ง
- คำถามที่ควรถามในการเลือกซื้อระบบจัดการข้อมูลโดยใช้รหัสแท่ง
- อื่น ๆ
.
จุดประสงค์ในการนำเสนอ ความรู้เบื้องต้นเรื่องรหัสแท่ง
นี้เพื่อให้นักธุรกิจมืออาชีพอย่างคุณ ได้เข้าใจถึงประโยชน์ต่าง ๆ
ของการนำระบบการจัดการข้อมูลโดยใช้รหัสแท่ง
ปใช้กับธุรกิจของคุณ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
และเพิ่มผลกำไรของการประกอบการ
.
ซ่อนอะไรไว้ระหว่างแท่ง
สิ่งแรกคือคุณไม่ต้องไปกลัวเมื่อเห็นรหัสแท่ง
คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นอัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์
เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่ถูกเก็บไว้ในรหัสแท่ง จริง ๆ
แล้วรหัสแท่งก็เป็นเพียงอีกหนึ่งวิธีการในการเขียนตัวเลข
และตัวหนังสือ โดยใช้สัญลักษณ์แท่งและช่องว่างที่ไม่เท่ากัน
ประกอบกันเป็นรูปสัญลักษณ์ หรือในอีกมุมมองหนึ่ง
รหัสแท่งก็คืออีกหนึ่งวิธีของการป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แทน
ที่จะนั่งพิมพ์ข้อมูลโดยใช้แป้นพิมพ์
สำหรับธุรกิจที่มีการนำรหัสแท่งไปใช้งานอย่างถูกวิธีและเหมาะสมแล้ว จะช่วยทำให้ลดความเสียหายและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานได้มากขึ้น
ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นด้วย
.
พูดง่าย ๆ ก็คือการใช้รหัสแท่งจะช่วยทำให้การป้อนข้อมูลสะดวก
รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น
.
สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้อาจจะทำให้คุณแปลกใจอยู่บ้าง
รหัสแท่งไม่ได้เก็บข้อมูลอย่างละเอียด
ซึ่งก็เป็นทำนองเดียวกับเลขประจำตัวประชาชนของคุณที่ไม่ได้เก็บข้อมูล
ชื่อและที่อยู่ของคุณ รหัสแท่งเก็บแค่ตัวเลขอ้างอิงที่ใช้เพื่อเรียกดูรายละเอียด
ของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน
.
ตัวอย่าง: รหัสแท่งที่อยู่บนขนมปังจะไม่มีชื่อของสินค้า
ประเภทของขนมปัง หรือราคาของขนมปัง
ข้อมูลที่เก็บอยู่บนรหัสแท่งก็คือตัวเลข 12 หลักหนึ่งชุด
หลังจากที่ตัวเลขนี้ถูกอ่านผ่านเครื่องเก็บเงินแล้ว
มันจะถูกส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจะทำการเรียกหา
และดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขชุดนี้ขึ้นมาจากระบบฐานข้อมูล
เช่นรายละเอียดของสินค้า ชื่อบริษัทคู่ค้า ราคาสินค้า สต็อกที่เหลืออยู่
เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ราคาสินค้า
จะปรากฏที่หน้าจอของเครื่องเก็บเงิน
(ซึ่งระบบจะทำการตัดสต็อกสินค้าออกจากระบบทันที)
กระบวนการดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ถ้าไม่มีการใช้รหัสแท่ง
พนักงานเก็บเงินจะต้องทำการป้อนรหัสสินค้าทั้งหมด
ทุกชิ้นที่เป็นตัวเลข 12 หลักด้วยตัวเอง
ซึ่งอาจจะใช้เวลามากขึ้นและอาจป้อนข้อมูลผิดพลาดได้
.
โดยสรุปแล้วรหัสแท่งเก็บข้อมูลเป็นตัวเลขรหัสสินค้า
ซึ่งเมื่อมีการอ่านผ่านสแกนเนอร์แล้ว
ตัวเลขดังกล่าวจะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อทำการค้นหา
และแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขชุดนั้น
.
รูปสัญลักษณ์: ความหมาย
การใช้สัญลักษณ์ถือได้ว่าเป็นภาษาของรหัสแท่งเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นเมื่อคุณเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส
คุณก็ต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสในการติดต่อสื่อสาร
ในทำนองเดียวกันภาษาของรหัสแท่งคือภาษาสัญลักษณ์
ซึ่งต้องใช้สแกนเนอร์เป็นตัวอ่าน
รูปสัญลักษณ์ดังกล่าวนี้เองที่ทำให้สแกนเนอร์อ่านข้อมูล
ที่เก็บอยู่ในรหัสแท่งได้ถูกต้อง และเมื่อคุณต้องการที่จะพิมพ์รหัสแท่ง
รูปสัญลักษณ์นี้ก็จะเป็นตัวบอกให้เครื่องพิมพ์
ทำการพิมพ์ข้อมูลที่ต้องการลงบนฉลากของตัวสินค้า
.
รูปสัญลักษณ์ประเภทต่าง ๆ ของรหัสแท่ง
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งมีหลากหลายรูปแบบ
โดยทั่วไปแล้วเราจะคุ้นเคยกับรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
ที่ใช้ตามร้านขายของอุปโภคบริโภคทั่วไป หรือซุปเปอร์มาร์เกต
แต่ในความเป็นจริงแล้วรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งมีหลายรูปแบบ
แล้วแต่ประเภทของอุตสาหกรรมหรือธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านการผลิต หรือด้านธุรกิจขายปลีก
ซึ่งรูปสัญลักษณ์นี้ใช้ได้เฉพาะอุตสาหกรรมหรือธุรกิจของใครของมัน
ไม่สามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้
คุณอาจจะมีคำถามว่าทำไมจะต้องมีรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
ที่แตกต่างกันด้วย คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ
รูปสัญลักษณ์เหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา
ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ เท่านั้น
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันมีดังต่อไปนี้
.
ยูพีซี/อีเอเอ็น (UPC/EAN)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งประเภทนี้มีจุดมุ่งหมาย
เพื่อใช้สำหรับการเก็บเงิน (check out)
ยูพีซีเป็นรหัสแท่งที่มีความยาวของรหัสแท่งที่แน่นอน
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นมาตรฐาน
ที่ถูกกำหนดใช้ในธุรกิจขายปลีกและธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารเท่านั้น
ยูพีซีถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถนำมาใช้งานกับมาตรฐาน
รหัสสินค้าที่เป็นตัวเลข 12 หลักสำหรับธุรกิจด้านนี้
.
โค้ด 39 (Code 39)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งประเภทนี้ถูกพัฒนาขึ้นมา
จากความต้องการที่จะนำเอาข้อมูลที่เป็นตัวอักษรเข้าไปในรหัสแท่ง
ด้วย และโค้ด 39 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
ที่นิยมใช้มากที่สุดในธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร
โดยทั่วไปแล้วนิยมนำไปใช้งานด้านการจัดการสินค้าคงคลัง
หรือการติดตามความเคลื่อนไหวของวัตถุดิบในโรงงานผลิตสินค้า
ความยาวของรูปสัญลักษณ์แบบโค้ด 39
นี้ค่อนข้างยาวและอาจจะไม่เหมาะสมหากฉลากสินค้ามีพื้นที่จำกัด
.
โค้ด 128 (Code 128)
เนื่องจากโค้ด 39 เก็บข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้ค่อนข้างจำกัด
ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาโค้ด 128 ขึ้นมาใช้งาน
และเหมาะสมกับฉลากสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด
เพราะรหัสแท่งแบบโค้ด 128 นี้จะกะทัดรัดและดูแน่นกว่าโค้ด 39
โดยทั่วไปแล้วโค้ด 128 นิยมใช้ในอุตสาหกรรม
การจัดส่งสินค้าซึ่งมีปัญหาด้านการพิมพ์ฉลาก
.
อินเทอร์ลีฟ ทูออฟไฟว์ (Interleaved 2 of 5)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งแบบอินเทอร์ลีฟ ทูออฟไฟว์
นี้เป็นที่นิยมสำหรับงานด้านการจัดส่งสินค้า งานจัดเก็บสินค้าคงคลัง
หรืองานจัดการคลังสินค้า คุณสามารถสังเกตได้ตามกล่องบรรจุภัณฑ์แบบลูกฟูก
ที่ใช้ขนส่งสินค้าตามร้านค้าทั่วไป
.
โพสต์เน็ต (Postnet)
เป็นรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งที่ถูกพัฒนาสำหรับการไปรษณีย์
ของประเทศอเมริกาโดยเฉพาะ
ข้อมูลที่เก็บอยู่ในรหัสแท่งแบบโพสต์เน็ตคือรหัสไปรษณีย์
เพื่อใช้สำหรับการแยกประเภทของจดหมายเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการจัดส่ง
.
พีดีเอฟ417 (PDF417)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งแบบพีดีเอฟ417
หรือเรียกอีกอย่างว่า รหัสแท่งสองมิติ
เป็นรูปสัญลักษณ์ที่มีความหนาแน่นของรหัสแท่ง
มากกว่าปกติและไม่เป็นเส้นตรง ใกล้เคียงกับตารางคำศัพท์อักษรไขว้ที่เคยเห็นอยู่ทั่วไป
สิ่งที่ทำให้รหัสแท่งแบบพีดีเอฟ417แตกต่างจากรหัสแท่งแบบอื่น ๆ
ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดก็คือข้อมูลที่เก็บอยู่ในรหัสแท่ง พีดีเอฟ417
จะเก็บข้อมูลเป็นลักษณะแฟ้มข้อมูลแทนที่จะเป็นข้อมูลตัวเลขอ้างอิง
บางรัฐ (ในประเทศอเมริกา) จะนำรหัสแท่งสองมิตินี้ไปใช้บนใบขับขี่
ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวของคุณได้มากมาย
เช่นชื่อของคุณ รูปถ่าย บันทึกข้อหาที่คุณเคยฝ่าฝืนกฎจราจร
และข้อมูลอื่น ๆ รูปสัญลักษณ์แบบพีดีเอฟ417
ซึ่งมีขนาดเท่ากับแสตมป์นี้สามารถที่จะเก็บเนื้อหา
ของคำประกาศที่เกทตี้ส์เบอร์กได้ทั้งหมด
..
สิ่งที่สำคัญควรจำก็คือ
ถ้าขนาดของแท่งและช่องว่างของรูปสัญลักษณ์ของ
รหัสแท่งยิ่งกว้างเท่าไหร่
พื้นที่ที่ใช้พิมพ์รหัสแท่งก็จะกว้างขึ้นไปเท่านั้น
เป็นผลให้ความแน่นและความทึบของรหัสแท่งลดลงไปตามกัน
ในทางตรงกันข้าม ถ้าขนาดของแท่งและช่องว่างแคบลงไป
พื้นที่ที่ใช้พิมพ์รหัสแท่งก็น้อยลงไป
เป็นผลให้ความแน่นและความทึบของรหัสแท่งเพิ่มมากขึ้น
เรื่องการพิมพ์รหัสแท่งจะได้กล่าวถึงถัดไป
.
หากคุณต้องการข้อมูลเลขรหัสของผู้ผลิตรหัสแท่งยูพีซี
คุณสามารถสอบถามได้ที่ ยูนิฟอร์มเคาท์ซิล
(Uniform Code Council) เบอร์โทรศัพท์ 937-435-3870.
ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับรหัสแท่ง คุณสามารถสอบถามได้ที่
เอไอเอ็ม ยูเอสเอ (AIM USA) เบอร์โทรศัพท์ 412-963-8588
.
อ่านรหัสแท่งอย่างไร
รหัสแท่งถูกอ่านโดยการฉายแสงพาดไปยังรูปสัญลักษณ์บนฉลาก
คุณจะมองเห็นเพียงแสงเลเซอร์สีแดงบาง ๆ
ที่ถูกยิงออกมาจากสแกนเนอร์เท่านั้น
แต่ในขณะเดียวกันนั้นแสงที่ยิงออกจากสแกนเนอร์นั้น
จะถูกดูดซับไว้โดยแท่งสีทึบของรหัสแท่ง
และสะท้อนออกไปด้วยช่องว่างสีขาวของรหัสแท่ง
เครื่องสแกนเนอร์จะทำการเก็บเอาแสงที่ถูกสะท้อนกลับออกมานั้น
แล้วเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้า
.
แสงเลเซอร์ที่ยิงออกมาจากสแกนเนอร์ (แหล่งกำเนิดแสง)
จะทำการอ่านรหัสแท่งเริ่มต้นจากส่วนที่เป็นสีขาว
(ไควเอ็ดโซน, Quiet zone) ก่อนรูปแท่งสีดำแท่งแรก
และทำการอ่านไปจนถึงส่วนที่เป็นสีขาวหลังจากรูปแท่งสีดำแท่งสุดท้าย
ถ้าแสงเลเซอร์นั้นฉายออกนอกขอบเขตของรูปสัญลักษณ์
ของรหัสแท่งแล้ว เครื่องจะไม่สามารถอ่านรหัสแท่งได้
ความสูงของรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งนั้นถูกกำหนดมาในมีความสูง
ที่เพียงพอทำให้การอ่านรหัสเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ออกนอกขอบเขต
ถ้าข้อมูลที่เก็บอยู่ในรหัสแท่งเพิ่มขึ้นมากเท่าไร
ความยาวของรูปสัญลักษณ์จะยาวเพิ่มขึ้น
และส่งผลให้ความสูงของรหัสเพิ่มขึ้นตามไปเช่นเดียวกัน
.
ประเภทของสแกนเนอร์
ในปัจจุบันสแกนเนอร์แบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ ๆ
คือ แบบฟิกซ์ แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพาได้
และแบบไร้สายชนิดพกพา
.
1.สแกนเนอร์แบบฟิกซ์ (ชนิดถือ และชนิดตั้งโต๊ะ)
โดยทั่วไปจะยังคงมีสายติดอยู่กับคอมพิวเตอร์หรือเทอร์มินัล
(terminal) และสามารถใช้อ่านรหัสแท่งได้ครั้งละหนึ่งรหัสเท่านั้น
.
2.สแกนเนอร์แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพานั้นทำงานโดยใช้แบตเตอร
ี่ และทำการเก็บข้อมูลที่อ่านได้ไว้ในส่วนความจำที่อยู่ในตัวมันเอง
จนกว่าจะมีการย้ายข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์
.
3.สแกนเนอร์แบบไร้สายชนิดพกพานั้นทำการเก็บข้อมูล
ที่อ่านได้ไว้ในส่วนความจำเช่นเดียวกัน
แต่ว่าข้อมูลดังกล่าวนี้จะถูกย้ายไปยังคอมพิวเตอร์ทันที
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูข้อมูล
ได้ทันทีหากมีปัญหาที่ต้องทำการตัดสินใจขณะนั้นทันที
.
สแกนเนอร์ทำงานอย่างไร
เครื่องสแกนเนอร์โดยทั่วไปแล้วจะมีส่วนประกอบพื้นฐานคือ
หัวอ่าน เครื่องถอดรหัส
และสายไฟสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องถอดรหัสและคอมพิวเตอร์หรือเทอร์มินัล
.
หน้าที่หลักของหัวอ่านก็คือทำการอ่านรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
และทำการส่งสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากการอ่านรหัสแท่งไปยังคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ตามเครื่องถอดรหัสเป็นตัวแปลรหัสแท่งที่อยู่บนรูปสัญลักษณ์
และทำการวิเคราะห์สิ่งที่อ่านได้
เพื่อทำการส่งต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์
.
เครื่องสแกนเนอร์มีทั้งเครื่องที่มีอุปกรณ์ถอดรหัสในตัว
หรือเป็นอุปกรณ์แยกออกไปต่างหากเพื่อทำการถอดรหัส
อุปกรณ์ดังกล่าวนี้เรียกว่า อินเทอร์เฟส (interface) หรือเวดจ์
(wedge) เครื่องสแกนเนอร์แบบไม่มีเครื่องถอดรหัสในตัวนั้น
นิยมนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนเนอร์สำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุด
ซึ่งการถอดรหัสจะเกิดขึ้นที่เทอร์มินัลเอง
.
การติดตั้งสแกนเนอร์เข้ากับคอมพิวเตอร์
เครื่องสแกนเนอร์แบบฟิกซ์
เครื่องอ่านชนิดใช้แป้นพิมพ์
เครื่องอ่านชนิดใช้แป้นพิมพ์นี้จะถูกติดตั้งเข้ากับพอร์ทที่เรียกว่าคีย์บอร์ด
อินเทอร์เฟส (keyboard interface)
เมื่อมีการอ่านข้อมูลจากรหัสแท่งเข้ามาแล้ว
ข้อมูลดังกล่าวจะถูกป้อนเข้าคอมพิวเตอร์โดยผ่านแป้นพิมพ์
บางครั้งจะเรียกเครื่องสแกนเนอร์ชนิดนี้ว่าเครื่องอ่านแบบตอก
เพราะมีการใช้แป้นพิมพ์จริง ๆ
เครื่องอ่านชนิดนี้จะถูกติดตั้งเป็นเสมือนแป้นพิมพ์อันที่สอง
ข้อดีของการใช้เครื่องสแกนเนอร์ชนิดนี้ก็คือเราไม่ต้องเป็นกังวล
กับเรื่องซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่และไม่จำเป็นต้องมีการ
เปลี่ยงแปลงซอฟต์แวร์อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
เพราะซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่นั้นจะคิดว่ามีการป้อน
ข้อมูลจากทางแป้นพิมพ์โดยคน
.
เครื่องอ่านรหัสแท่งแบบซีเรียลพอร์ท (serial port)
วิธีการอ่านรหัสแท่งอีกวิธีหนึ่งคือการใช้สแกนเนอร์
์แบบซีเรียลพอร์ทแบบอาร์เอส-232 (RS-232)
ข้อมูลในรหัสแท่งจะถูกส่งเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ในรูปแบบแอสคีย์
(ASCII) เสมือนคุณเป็นคนป้อนข้อมูลเข้าด้วยตัวเอง
การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่งแบบซีเรียลพอร์ท
เหมาะสำหรับงานที่มีคนใช้งานจำนวนมาก
เนื่องจากเราใช้เทอร์มินัลที่มีซีเรียลพอร์ท
ทำให้เราสามารถทำการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ
เครื่องเข้าด้วยกัน และรับส่งข้อมูลเป็นรูปแบบแอสคีย์
.
เครื่องสแกนเนอร์แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพา
เครื่องสแกนเนอร์ชนิดมีทำงานโดยใช้แบตเตอรี่
และทำการเก็บข้อมูลที่อ่านได้ไว้ในส่วนความจำในตัวมันเอง
และทำการส่งถ่ายข้อมูลในเวลาอื่น ๆ
ส่วนประกอบของสแกนเนอร์แบบสำหรับอ่านรหัสแท่ง
เป็นชุดชนิดพกพานั้นคือ หัวอ่าน และหน้าจอแอลซีดี (LCD)
เพื่อแสดงข้อความให้ผู้ใช้งานได้รับรู้ว่าจะต้องทำอะไรขั้นต่อไป
และทำการป้อนข้อมูลต่าง ๆ เข้าไป
การถ่ายโอนข้อมูลที่อ่านได้นั้นจะต้องผ่านเครเดิล (cradle) เท่านั้น
สแกนเนอร์แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพา
เหมาะสำหรับประเภทของงานที่ต้องเดินไปเดินมา
และข้อมูลที่อ่านได้ยังไม่จำเป็นต้องรีบนำไปใช้งาน
สแกนเนอร์แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพา
นี้มีหลากหลายรูปแบบเช่น แบบมือถือ แบบห้อยติดตัวได้
หรือจะเป็นแบบตั้งโต๊ะได้
ความเหมาะสมในการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจของคุณ
.
สแกนเนอร์ไร้สายชนิดพกพา
ถ้าคุณจำเป็นที่จะต้องทำการเก็บข้อมูลจากที่ไกล ๆ
และจำเป็นต้องรีบด่วนนำเอาข้อมูลนั้น ๆ มาใช้งานแล้วล่ะก็
สแกนเนอร์ไร้สายชนิดพกพานี้ดูจะเหมาะสมที่สุด
และสามารถนำไปติดตั้งเข้าใช้งานกับเทอร์มินัลที่มีอยู่
ได้อย่างไม่มีปัญหา และข้อมูลจะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ต่อไป
สแกนเนอร์แบบไร้สายนี้ช่วยในผู้ใช้งานทำการอ่านข้อมูล
ได้ทันทีซึ่งทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับหลายอุตสาหกรรม
.
สแกนเนอร์ชนิดเคเบิล (Cables)
สแกนเนอร์ชนิดเคเบิลนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณว่า
คุณต้องการที่จะทำการเชื่อมต่อสแกนเนอร์อย่างไร
เคเบิลนี่มีหลายชนิดเช่น อาร์เอส-232 ไดเรคเคเบิล (
RS-232 Direct Cables) หรือว่าจะเป็นอแดปเตอร์ (adapter)
ของไซแนป (Synapse)
ไม่ว่าจะเป็นสแกนเนอร์ชนิดเคเบิลแบบใดก็ต้องใช้ไฟฟ้า
เครื่องชนิดอาร์เอส32 นั้นมีทั้งแบบ 9 เข็ม หรือ 25 เข็ม
ใช้สำหรับต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ถ้าใช้อแดปเตอร์ของไซแนปแล้ว
คุณสามารถเชื่อมต่อเครื่องสแกนเนอร์หนึ่งเครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องได้
.
.
การเลือกสแกนเนอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- คุณจะนำสแกนเนอร์ไปใช้งานในลักษณะและสิ่งแวดล้อมแบบใด?
นำไปใช้ในโรงงานหรือร้านขายของชำ?
- คุณจำเป็นที่จะต้องใช้สแกนเนอร์อย่างต่อเนื่องหรือเพียงแค่ครั้งคราว?
- คุณต้องการสแกนเนอร์แบบไม่ต้องถือหรือไม่?
- คุณต้องใช้เครื่องสแกนเนอร์เพื่อทำการอ่านรหัสในระยะใกล้หรือไกลจากรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง?
- คุณจะนำเครื่องสแกนเนอร์ไปเชื่อมต่อในลักษณะใด?
- คุณจำเป็นต้องนำข้อมูลที่ได้จากการอ่านไปใช้งานทันทีหรือไม่?
.
โปรดจำไว้ว่าสแกนเนอร์แต่ละชนิดถูกออกแบบมาเหมาะสม
กับการใช้งานประเภทหนึ่ง ๆ
อย่าตัดสินใช้ซื้อสแกนเนอร์เพียงเพราะคุณใช้ความรู้สึก
เครื่องสแกนเนอร์ที่ราคาถูกอาจจะเหมาะสมกับงาน
ที่ใช้เครื่องสแกนเนอร์เป็นครั้งคราวเท่านั้น
และคงไม่เหมาะสมกับงานที่ต้องใช้สแกนเนอร์อยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นจงถามคำถามและพยายามเฟ้นหาคำตอบ
ให้ได้ก่อนการตัดสินใจซื้อเครื่องสแกนเนอร์
.
รู้ได้อย่างไรว่าสแกนเนอร์นั้นนำมาใช้งาน ร่วมกับระบบที่ปัจจุบันใช้อยู่
คุณไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
เพื่อนำมาใช้โอนถ่ายข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์
การอ่านและการถอดรหัสนั้นได้ถูกจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากหัวอ่าน
และเครื่องถอดรหัสที่อยู่ในเครื่องสแกนเนอร์
ดังนั้นข้อมูลที่โอนเข้าไปยังคอมพิวเตอร์จึงเป็นข้อมูลที่ถูกแปลแล้ว
.
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีปัญหาเรื่องซอฟต์แวร์ในส่วนของการโอนย้ายข้อมูล
แต่ซอฟต์แวร์ที่คุณมีอยู่อาจจะใช้พิมพ์รหัสแท่งไม่ได้
ซึ่งคุณอาจจะต้องทำการซื้อฉลากที่มีการพิมพ์รหัสแท่ง
ในคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือไม่คุณก็ต้องทำการอัฟเกรด (upgrade)
ซอฟต์แวร์ของคุณเพื่อคุณสามารถที่จะพิมพ์รหัสแท่งได้ดัวยตัวของคุณเอง
ไม่ว่าจะเป็นฉลากสำหรับการขนส่งสินค้า
การรับของ หรือบัตรประจำตัวพนักงาน
ซึ่งมันจะสะดวกสำหรับการทำงานของคุณเป็นอย่างมาก
.
ซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการใช้งาน
ไม่ว่าคุณจะนำเอาระบบรหัสแท่งไปประยุกต์ใช้งานการจัดการสินค้าคงคลัง
การติดตามอาการคนไข้ การรับ-ส่งสินค้า หรือแม้กระทั่งการชำระเงิน
คุณจะต้องมีซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมในการใช้งานต่าง ๆ กัน
เพื่อทำให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จ
ซอฟต์แวร์เปรียบเสมือนกับผู้ร่วมหุ้นที่ไม่ออกเสียง
ที่ช่วยเหลือจัดการรับ-ส่งข้อความจากสแกนเนอร์และ
คอมพิวเตอร์ที่เก็บข้อมูล เพื่อใช้จัดการธุรกิจ
.
ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจในอุตสาหกรรมใด
หรือลักษณะงานของคุณจะเป็นแนวไหนก็ตาม
บริษัทซิมเบิลและบริษัทหุ้นส่วนของเรานั้นสามารถ
ที่จะให้ความช่วยเหลือคุณได้ในทุก ๆ
ลักษณะของธุรกิจ—ตั้งแต่วางแผนงานและจัดการระบบจัดส่งสินค้า
การปฏิบัติงานและการอบรม การบริการงานติดตั้งระบบ
การจัดการงานบริการ และอื่น ๆ

รูปสัญลักษณ์: ความหมาย
การใช้สัญลักษณ์ถือได้ว่า เป็นภาษาของรหัสแท่งเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นเมื่อคุณเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส
คุณก็ต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสในการติดต่อสื่อสาร
ในทำนองเดียวกันภาษาของรหัสแท่งคือภาษาสัญลักษณ์
ซึ่งต้องใช้สแกนเนอร์เป็นตัวอ่าน
รูปสัญลักษณ์ดังกล่าวนี้เองที่ทำให้สแกนเนอร์อ่านข้อมูล
ที่เก็บอยู่ในรหัสแท่งได้ถูกต้อง และเมื่อคุณต้องการที่จะพิมพ์รหัสแท่ง
รูปสัญลักษณ์นี้ก็จะเป็นตัวบอกให้เครื่องพิมพ์
ทำการพิมพ์ข้อมูลที่ต้องการลงบนฉลากของตัวสินค้า
.
รูปสัญลักษณ์ประเภทต่าง ๆ ของรหัสแท่ง
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งมีหลากหลายรูปแบบ
โดยทั่วไปแล้วเราจะคุ้นเคยกับรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
ที่ใช้ตามร้านขายของอุปโภคบริโภคทั่วไป หรือซุปเปอร์มาร์เกต
แต่ในความเป็นจริงแล้วรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งมีหลายรูปแบบ
แล้วแต่ประเภทของอุตสาหกรรมหรือธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านการผลิต หรือด้านธุรกิจขายปลีก
ซึ่งรูปสัญลักษณ์นี้ใช้ได้เฉพาะอุตสาหกรรมหรือธุรกิจของใครของมัน
ไม่สามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้
คุณอาจจะมีคำถามว่าทำไมจะต้องมีรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
ที่แตกต่างกันด้วย คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ
รูปสัญลักษณ์เหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา
ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ เท่านั้น
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันมีดังต่อไปนี้
.
ยูพีซี/อีเอเอ็น (UPC/EAN)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งประเภทนี้มีจุดมุ่งหมาย
เพื่อใช้สำหรับการเก็บเงิน (check out)
ยูพีซีเป็นรหัสแท่งที่มีความยาวของรหัสแท่งที่แน่นอน
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นมาตรฐาน
ที่ถูกกำหนดใช้ในธุรกิจขายปลีกและธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารเท่านั้น
ยูพีซีถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถนำมาใช้งานกับมาตรฐาน
รหัสสินค้าที่เป็นตัวเลข 12 หลักสำหรับธุรกิจด้านนี้
.
โค้ด 39 (Code 39)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งประเภทนี้ถูกพัฒนาขึ้นมา
จากความต้องการที่จะนำเอาข้อมูลที่เป็นตัวอักษรเข้าไปในรหัสแท่ง
ด้วย และโค้ด 39 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
ที่นิยมใช้มากที่สุดในธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร
โดยทั่วไปแล้วนิยมนำไปใช้งานด้านการจัดการสินค้าคงคลัง
หรือการติดตามความเคลื่อนไหวของวัตถุดิบในโรงงานผลิตสินค้า
ความยาวของรูปสัญลักษณ์แบบโค้ด 39
นี้ค่อนข้างยาวและอาจจะไม่เหมาะสมหากฉลากสินค้ามีพื้นที่จำกัด
.
โค้ด 128 (Code 128)
เนื่องจากโค้ด 39 เก็บข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้ค่อนข้างจำกัด
ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาโค้ด 128 ขึ้นมาใช้งาน
และเหมาะสมกับฉลากสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด
เพราะรหัสแท่งแบบโค้ด 128 นี้จะกะทัดรัดและดูแน่นกว่าโค้ด 39
โดยทั่วไปแล้วโค้ด 128 นิยมใช้ในอุตสาหกรรม
การจัดส่งสินค้าซึ่งมีปัญหาด้านการพิมพ์ฉลาก
.
อินเทอร์ลีฟ ทูออฟไฟว์ (Interleaved 2 of 5)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งแบบอินเทอร์ลีฟ ทูออฟไฟว์
นี้เป็นที่นิยมสำหรับงานด้านการจัดส่งสินค้า งานจัดเก็บสินค้าคงคลัง
หรืองานจัดการคลังสินค้า คุณสามารถสังเกตได้ตามกล่องบรรจุภัณฑ์แบบลูกฟูก
ที่ใช้ขนส่งสินค้าตามร้านค้าทั่วไป
.
โพสต์เน็ต (Postnet)
เป็นรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งที่ถูกพัฒนาสำหรับการไปรษณีย์
ของประเทศอเมริกาโดยเฉพาะ
ข้อมูลที่เก็บอยู่ในรหัสแท่งแบบโพสต์เน็ตคือรหัสไปรษณีย์
เพื่อใช้สำหรับการแยกประเภทของจดหมายเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการจัดส่ง
.
พีดีเอฟ417 (PDF417)
รูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งแบบพีดีเอฟ417
หรือเรียกอีกอย่างว่า รหัสแท่งสองมิติ
เป็นรูปสัญลักษณ์ที่มีความหนาแน่นของรหัสแท่ง
มากกว่าปกติและไม่เป็นเส้นตรง ใกล้เคียงกับตารางคำศัพท์อักษรไขว้ที่เคยเห็นอยู่ทั่วไป
สิ่งที่ทำให้รหัสแท่งแบบพีดีเอฟ417แตกต่างจากรหัสแท่งแบบอื่น ๆ
ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดก็คือข้อมูลที่เก็บอยู่ในรหัสแท่ง พีดีเอฟ417
จะเก็บข้อมูลเป็นลักษณะแฟ้มข้อมูลแทนที่จะเป็นข้อมูลตัวเลขอ้างอิง
บางรัฐ (ในประเทศอเมริกา) จะนำรหัสแท่งสองมิตินี้ไปใช้บนใบขับขี่
ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวของคุณได้มากมาย
เช่นชื่อของคุณ รูปถ่าย บันทึกข้อหาที่คุณเคยฝ่าฝืนกฎจราจร
และข้อมูลอื่น ๆ รูปสัญลักษณ์แบบพีดีเอฟ417
ซึ่งมีขนาดเท่ากับแสตมป์นี้สามารถที่จะเก็บเนื้อหา
ของคำประกาศที่เกทตี้ส์เบอร์กได้ทั้งหมด
..
สิ่งที่สำคัญควรจำก็คือ
ถ้าขนาดของแท่งและช่องว่างของรูปสัญลักษณ์ของ
รหัสแท่งยิ่งกว้างเท่าไหร่
พื้นที่ที่ใช้พิมพ์รหัสแท่งก็จะกว้างขึ้นไปเท่านั้น
เป็นผลให้ความแน่นและความทึบของรหัสแท่งลดลงไปตามกัน
ในทางตรงกันข้าม ถ้าขนาดของแท่งและช่องว่างแคบลงไป
พื้นที่ที่ใช้พิมพ์รหัสแท่งก็น้อยลงไป
เป็นผลให้ความแน่นและความทึบของรหัสแท่งเพิ่มมากขึ้น
เรื่องการพิมพ์รหัสแท่งจะได้กล่าวถึงถัดไป
.
หากคุณต้องการข้อมูลเลขรหัสของผู้ผลิตรหัสแท่งยูพีซี
คุณสามารถสอบถามได้ที่ ยูนิฟอร์มเคาท์ซิล
(Uniform Code Council) เบอร์โทรศัพท์ 937-435-3870.
ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับรหัสแท่ง คุณสามารถสอบถามได้ที่
เอไอเอ็ม ยูเอสเอ (AIM USA) เบอร์โทรศัพท์ 412-963-8588
.
อ่าน รหัสแท่งอย่างไร
รหัสแท่งถูกอ่านโดยการฉายแสงพาดไปยังรูปสัญลักษณ์บนฉลาก
คุณจะมองเห็นเพียงแสงเลเซอร์สีแดงบาง ๆ
ที่ถูกยิงออกมาจากสแกนเนอร์เท่านั้น
แต่ในขณะเดียวกันนั้นแสงที่ยิงออกจากสแกนเนอร์นั้น
จะถูกดูดซับไว้โดยแท่งสีทึบของรหัสแท่ง
และสะท้อนออกไปด้วยช่องว่างสีขาวของรหัสแท่ง
เครื่องสแกนเนอร์จะทำการเก็บเอาแสงที่ถูกสะท้อนกลับออกมานั้น
แล้วเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้า
.
แสงเลเซอร์ที่ยิงออกมาจากสแกนเนอร์ (แหล่งกำเนิดแสง)
จะทำการอ่านรหัสแท่งเริ่มต้นจากส่วนที่เป็นสีขาว
(ไควเอ็ดโซน, Quiet zone) ก่อนรูปแท่งสีดำแท่งแรก
และทำการอ่านไปจนถึงส่วนที่เป็นสีขาวหลังจากรูปแท่งสีดำแท่งสุดท้าย
ถ้าแสงเลเซอร์นั้นฉายออกนอกขอบเขตของรูปสัญลักษณ์
ของรหัสแท่งแล้ว เครื่องจะไม่สามารถอ่านรหัสแท่งได้
ความสูงของรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่งนั้นถูกกำหนดมาในมีความสูง
ที่เพียงพอทำให้การอ่านรหัสเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ออกนอกขอบเขต
ถ้าข้อมูลที่เก็บอยู่ในรหัสแท่งเพิ่มขึ้นมากเท่าไร
ความยาวของรูปสัญลักษณ์จะยาวเพิ่มขึ้น
และส่งผลให้ความสูงของรหัสเพิ่มขึ้นตามไปเช่นเดียวกัน
.
ประเภทของสแกนเนอร์
ในปัจจุบันสแกนเนอร์แบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ ๆ
คือ แบบฟิกซ์ แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพาได้
และแบบไร้สายชนิดพกพา
.
1.สแกนเนอร์แบบฟิกซ์ (ชนิดถือ และชนิดตั้งโต๊ะ)
โดยทั่วไปจะยังคงมีสายติดอยู่กับคอมพิวเตอร์หรือเทอร์มินัล
(terminal) และสามารถใช้อ่านรหัสแท่งได้ครั้งละหนึ่งรหัสเท่านั้น
.
2.สแกนเนอร์แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพานั้นทำงานโดยใช้แบตเตอร
ี่ และทำการเก็บข้อมูลที่อ่านได้ไว้ในส่วนความจำที่อยู่ในตัวมันเอง
จนกว่าจะมีการย้ายข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์
.
3.สแกนเนอร์แบบไร้สายชนิดพกพานั้นทำการเก็บข้อมูล
ที่อ่านได้ไว้ในส่วนความจำเช่นเดียวกัน
แต่ว่าข้อมูลดังกล่าวนี้จะถูกย้ายไปยังคอมพิวเตอร์ทันที
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูข้อมูล
ได้ทันทีหากมีปัญหาที่ต้องทำการตัดสินใจขณะนั้นทันที
.
สแกนเนอร์ทำงานอย่างไร
เครื่องสแกนเนอร์โดยทั่วไปแล้วจะมีส่วนประกอบพื้นฐานคือ
หัวอ่าน เครื่องถอดรหัส
และสายไฟสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องถอดรหัสและคอมพิวเตอร์หรือเทอร์มินัล
.
หน้าที่หลักของหัวอ่านก็คือทำการอ่านรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง
และทำการส่งสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากการอ่านรหัสแท่งไปยังคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ตามเครื่องถอดรหัสเป็นตัวแปลรหัสแท่งที่อยู่บนรูปสัญลักษณ์
และทำการวิเคราะห์สิ่งที่อ่านได้
เพื่อทำการส่งต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์
.
เครื่องสแกนเนอร์มีทั้งเครื่องที่มีอุปกรณ์ถอดรหัสในตัว
หรือเป็นอุปกรณ์แยกออกไปต่างหากเพื่อทำการถอดรหัส
อุปกรณ์ดังกล่าวนี้เรียกว่า อินเทอร์เฟส (interface) หรือเวดจ์
(wedge) เครื่องสแกนเนอร์แบบไม่มีเครื่องถอดรหัสในตัวนั้น
นิยมนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนเนอร์สำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุด
ซึ่งการถอดรหัสจะเกิดขึ้นที่เทอร์มินัลเอง
.
การติดตั้งสแกนเนอร์เข้ากับคอมพิวเตอร์
เครื่องสแกนเนอร์แบบฟิกซ์
เครื่องอ่านชนิดใช้แป้นพิมพ์
เครื่องอ่านชนิดใช้แป้นพิมพ์นี้จะถูกติดตั้งเข้ากับพอร์ทที่เรียกว่าคีย์บอร์ด
อินเทอร์เฟส (keyboard interface)
เมื่อมีการอ่านข้อมูลจากรหัสแท่งเข้ามาแล้ว
ข้อมูลดังกล่าวจะถูกป้อนเข้าคอมพิวเตอร์โดยผ่านแป้นพิมพ์
บางครั้งจะเรียกเครื่องสแกนเนอร์ชนิดนี้ว่าเครื่องอ่านแบบตอก
เพราะมีการใช้แป้นพิมพ์จริง ๆ
เครื่องอ่านชนิดนี้จะถูกติดตั้งเป็นเสมือนแป้นพิมพ์อันที่สอง
ข้อดีของการใช้เครื่องสแกนเนอร์ชนิดนี้ก็คือเราไม่ต้องเป็นกังวล
กับเรื่องซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่และไม่จำเป็นต้องมีการ
เปลี่ยงแปลงซอฟต์แวร์อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
เพราะซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่นั้นจะคิดว่ามีการป้อน
ข้อมูลจากทางแป้นพิมพ์โดยคน
 
  
ประเภทของสแกนเนอร์
ในปัจจุบันสแกนเนอร์แบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ ๆ
คือ แบบฟิกซ์ แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพาได้
และแบบไร้สายชนิดพกพา
.
1.สแกนเนอร์แบบฟิกซ์ (ชนิดถือ และชนิดตั้งโต๊ะ)
โดยทั่วไปจะยังคงมีสายติดอยู่กับคอมพิวเตอร์หรือเทอร์มินัล
(terminal) และสามารถใช้อ่านรหัสแท่งได้ครั้งละหนึ่งรหัสเท่านั้น
.
2.สแกนเนอร์แบบสำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุดชนิดพกพา
นั้นทำงานโดยใช้แบตเตอร
ี่ และทำการเก็บข้อมูลที่อ่านได้ไว้ในส่วนความจำที่อยู่ในตัวมันเอง
จนกว่าจะมีการย้ายข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์
.
3.สแกนเนอร์แบบไร้สายชนิดพกพานั้นทำการเก็บข้อมูล
ที่อ่านได้ไว้ในส่วนความจำเช่นเดียวกัน
แต่ว่าข้อมูลดังกล่าวนี้จะถูกย้ายไปยังคอมพิวเตอร์ทันที
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูข้อมูล
ได้ทันทีหากมีปัญหาที่ต้องทำการตัดสินใจขณะนั้นทันที
.
สแกนเนอร์ทำงานอย่างไร
เครื่องสแกนเนอร์โดยทั่วไปแล้วจะมีส่วนประกอบพื้นฐานคือ
หัวอ่าน เครื่องถอดรหัส
และสายไฟสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องถอดรหัส
และคอมพิวเตอร์หรือเทอร์มินัล
.
หน้าที่หลักของหัวอ่านก็คือทำการอ่านรูปสัญลักษณ์ของรหัสแท่ง และ
ทำการส่งสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากการอ่านรหัสแท่งไปยังคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ตามเครื่องถอดรหัสเป็นตัวแปลรหัสแท่งที่อยู่บนรูปสัญลักษณ์
และทำการวิเคราะห์สิ่งที่อ่านได้
เพื่อทำการส่งต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์
.
เครื่องสแกนเนอร์มีทั้งเครื่องที่มีอุปกรณ์ถอดรหัสในตัว
หรือเป็นอุปกรณ์แยกออกไปต่างหากเพื่อทำการถอดรหัส
อุปกรณ์ดังกล่าวนี้เรียกว่า อินเทอร์เฟส (interface) หรือเวดจ์
(wedge) เครื่องสแกนเนอร์แบบไม่มีเครื่องถอดรหัสในตัวนั้น
นิยมนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนเนอร์สำหรับอ่านรหัสแท่งเป็นชุด
ซึ่งการถอดรหัสจะเกิดขึ้นที่เทอร์มินัลเอง
.
การติดตั้งสแกนเนอร์เข้ากับคอมพิวเตอร์
เครื่องสแกนเนอร์แบบฟิกซ์
เครื่องอ่านชนิดใช้แป้นพิมพ์
เครื่องอ่านชนิดใช้แป้นพิมพ์นี้จะถูกติดตั้งเข้ากับพอร์ทที่เรียกว่าคีย์บอร์ด
อินเทอร์เฟส (keyboard interface)
เมื่อมีการอ่านข้อมูลจากรหัสแท่งเข้ามาแล้ว
ข้อมูลดังกล่าวจะถูกป้อนเข้าคอมพิวเตอร์โดยผ่านแป้นพิมพ์
บางครั้งจะเรียกเครื่องสแกนเนอร์ชนิดนี้ว่าเครื่องอ่านแบบตอก
เพราะมีการใช้แป้นพิมพ์จริง ๆ
เครื่องอ่านชนิดนี้จะถูกติดตั้งเป็นเสมือนแป้นพิมพ์อันที่สอง
ข้อดีของการใช้เครื่องสแกนเนอร์ชนิดนี้ก็คือเราไม่ต้องเป็นกังวล
กับเรื่องซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่และไม่จำเป็นต้องมีการ
เปลี่ยงแปลงซอฟต์แวร์อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
เพราะซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่นั้นจะคิดว่ามีการป้อน
ข้อมูลจากทางแป้นพิมพ์โดยคน
.

เน็ตเวิร์ก…ถึงจุดเปลี่ยน!!

Site Updated: 14 Feb 2008
เน็ตเวิร์ก…ถึงจุดเปลี่ยน!!

ทุกก้าวขยับของการพัฒนาเทคโนโลยีเน็ตเวิร์ก ต้องยอมรับว่า “ใช้เวลา” กว่าที่จะได้มาตรฐานกลาง
กว่าที่คนจะยอมรับและปรับเปลี่ยนตามความก้าวหน้า

ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi ที่เริ่มๆ ใช้กันบ้างแล้ว WiMAX ที่กำลังจะมา
รวมไปถึงระบบความปลอดภัยบนเครือข่ายซึ่งยุคนี้ต้องเจาะจงไปที่เครือข่ายไร้สาย
หรือแม้แต่ความฉลาดเฉลี่ยวที่เน็ตเวิร์กต้องมีมากขึ้น
จนไปถึงอุปกรณ์ก็จะเห็นการผนวกเพิ่มฟังก์ชันให้เก่งกาจกว่าเดิม

ยิ่งกว่านั้นยังก้าวไปสู่ "คอนเวิร์จ เน็ตเวิร์ก” ซึ่งเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น
การปรากฏของสิ่งที่กล่าวมานี้ต้องบอกว่า...
เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่โลกเน็ตเวิร์กเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่



จุดเปลี่ยนระบบเน็ตเวิร์ก

วรกร ภัทรายานันท์ กรรมการผู้จัดการประจำภาคพื้นอินโดจีน บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ จำกัด
บอกกับ eWEEK เกี่ยวกับทิศทางเทคโนโลยีปี 2548 ว่า...
“เทคโนโลยีไร้สายยังคงมาแรง” ผมเชื่อว่าWi-Fi จะมีความต้องการมากยิ่งขึ้น
ปีนี้จะเห็นการใช้งานที่มากขึ้น หลังจากกล่าวถึงกันมานาน นั่นเป็นเพราะราคาเริ่มลดลง

นอกจากการนำไปใช้งานในองค์กรแล้ว ปัจจุบันเทคโนโลยีไร้สายอย่าง Wi-Fi
ยังถูกนำไปใช้งานภายในบ้านเรือนมากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันอุปกรณ์ต่างๆ
ก็ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คือเป็นทั้งเราเตอร์และเป็นทั้ง Wireless LAN
หรือกระทั่งอินเทลเองก็ได้บิลด์อิน Wireless Security เอาไว้ในตัวชิป
สำหรับซิสโก้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ก็มี Security ติดมาด้วย

อีกตัวหนึ่งที่จะมาแรงในแนวคิดของ “วรกร” คือ “Security”
ปัจจุบันระบบเน็ตเวิร์กต้องมาพร้อมด้านความปลอดภัยสูง
หากละเลยกระทั่งเกิดปัญหาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที
เพราะการคุกคามสามารถทำได้รวดเร็วเพียงไม่กี่นาทีก็ทำลายระบบ หรือเจาะข้อมูลทั้งหมดได้
ซึ่งเมื่อมีปัญหาย่อมหมายถึงการเสียชื่อเสียง และสั่นคลอนความมั่นคงขององค์กรจะเป็นปัญหาที่ตามมา

“เราเองได้ประกาศตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ออกมาเป็น Integrated Service
คือ บันเดิลระบบความปลอดภัยไว้ในผลิตภัณฑ์แล้วโดยจะมีทั้งใน WLAN, IP Phone, เราเตอร์
และ สวิตซ์ ซึ่งจะสามารถช่วยผู้ใช้ได้ในเบื้องต้น” วรกร เสริม

ซึ่งเมื่อกล่าวถึงระบบเน็ตเวิร์ก ทิศทางปีนี้จะเห็นแนวโน้มว่าเน็ตเวิร์กมีความฉลาดมากขึ้น
ถึงขั้นที่เรียกว่า Self defend network โดยสามารถตรวจสอบความผิดปกติ
หรือการแปลกปลอมเข้ามายังระบบได้โดยอัตโนมัติ
และสามารถซ่อมแซมตนเองได้ในกรณีที่มีอุปกรณ์เสียหาย
ใช้งานไม่ได้ อีกทั้งยังสามารถจับพฤติกรรมการบริโภคข้อมูล
หรือการใช้งานของยูเซอร์แต่ละคนที่แตกต่างกันได้

วรกร ยกตัวอย่างเช่นที่ซิสโก้ประเทศไทย ระบบเน็ตเวิร์กจะทำการเรียกข้อมูลที่ประเทศไทยใช้บ่อยๆ
มาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ในไทยโดยอัตโนมัติ แทนที่จะต้องเรียกจากต่างประเทศเมื่อต้องการใช้งาน
เพื่อให้สะดวกและรวดเร็ว โดยการเรียกข้อมูลนั้นระบบเน็ตเวิร์ก
จะดำเนินการในเวลากลางคืนยามที่เน็ตเวิร์กไม่ได้ใช้งาน นอกจากนี้ระบบยังไดนามิก
คือเมื่อใดที่ความนิยมหรือพฤติกรรมการบริโภคข้อมูลเปลี่ยนไป
ระบบก็จะเปลี่ยนตามโดยไม่ต้องให้คนสั่งการ

“Integrated Voice VDO Data” เป็นอีกประเด็นที่ต้องยกให้เป็นทิศทางปีนี้
แม้จะถูกกล่าวถึงกันมานับ 10 ปีก็ตาม แต่ยังทำได้ไม่สมบูรณ์
ขณะที่ปัจจุบันและเทคโนโลยีสามารถเชื่อมต่อเป็นระบบเดียวกันแบบไร้รอยต่อได้แล้ว
อำนวยความสะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย โดยทุกอย่างทำได้ในระบบทั้งหมด

ในอดีตเทคโนโลยี VDO Conference ต้องมีการเซตอัพ ทั้งกล้อง และเครื่อง
และต้องเซตอัพทั้งปลายทางและต้นทาง อีกทั้งยังต้องนัดเวลาให้ตรงกันด้วย
หากมีพรีเซนเทชันในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถดูได้ทันที
ปัจจุบันเทคโนโลยีสามารถทำในรูป Integrated Voice VDO Data ได้
คือสามารถเชื่อมทั้งเสียง ภาพ และข้อมมูลเข้าด้วยกันได้ เช่นว่าอุปกรณ์ IP Phone
ของซิสโก้เป็นการเชื่อมโยงเสียง ภาพ และข้อมูล ได้แล้ว มีเพียงโทรศัพท์ไอพี
มีโน้ตบุ๊กและเสียบสายโทรศัพท์ ก็สามารถประชุมทางไกลได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเซตอัพให้ยุ่งยาก

ส่วน “IP Video Surveillance” เทคโนโลยีใหม่ที่เป็นแนวโน้ม
ทำให้การทำงานที่เกี่ยวกับการใช้ภาพมีวิวัฒนาการล้ำหน้าไปอีกก้าว
จากนี้ไปการแพร่ภาพจะไม่มีข้อจำกัดด้านระบบ โดยสามารถส่งผ่านเครือข่ายได้ทันที
สามารถค้นหาภาพจากเวลาบันทึกได้ สามารถส่งภาพไปยังอุปกรณ์ปลายทางที่เป็นไร้สายได้

อีกแอพพลิเคชันหนึ่งที่เป็นแนวโน้มคือ “IP Video Surveillance”
เป็นกล้องวงจรปิดที่ผ่านระบบไอพี ถามว่ามันวิเศษอย่างไร... วรกร บอกว่า
ยกตัวอย่างว่าในกรณีที่ติดตั้งระบบดังกล่าวไว้ภายในโรงงาน เมื่อผู้บริหารต้องเดินทางไปประชุม
หรือพรีเซนต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดก็สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตแล้วเปิดให้ผู้ฟังดูสถานที่
บรรยากาศภายในโรงงานได้แบบเรียลไทม์ และยังสามารถบังคับกล้องให้หันไปทิศทางใดตามต้องการก็ได้
นั่นคือการอินทิเกรต Voice VDO Data อย่างเต็มรูปแบบและมาถึงจุดที่ใกล้ตัวเรามากขึ้น

“โดยสรุปแนวโน้มในปีนี้นอกจาก เทคโนโลยีไร้สาย เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่จะ Built in
มากับอุปกรณ์ต่างๆ แล้วเราจะได้เห็นความฉลาดของระบบเน็ตเวิร์กที่มากขึ้นด้วย” วรกร

โดยรวมแล้วอาจกล่าวได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ “เน็ตเวิร์ก” มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเลยทีเดียว

ส่วนเทคโนโลยีที่มาแรงในอนาคตแต่ปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้นชัดเจนในประเทศไทย วรกร บอกว่า...
ต้องจับตา RFID และ WiMAX สำหรับ RFID นั้นเกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศมีผู้ค้าปลีกเช่นวอลมาร์ต
และค้าส่งบางรายนำไปใช้แล้ว เพราะอำนวยความสะดวกอย่างมาก
แทนการใช้บาร์โค้ดซึ่งต้องสแกนบาร์โค้ค จากสิ่งของแต่ละชิ้นเพื่อบันทึกรายการ และคำนวณราคา

ขณะที่ RFID เป็นเทคโนโลยีส่งสัญญาณคลื่นวิทยุ อำนวยความสะดวกทั้งในแง่การเช็คสต็อกสินค้า
รวมไปถึงการบันทึกรายการและคำนวณราคาสินค้าเนื่องจากสามารถใช้สัญญาณวิทยุ
ในการเช็คสิ่งของทั้งหมด เช่นในกรณีที่ต้องการคำนวณราคาสินค้าที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ต
เพียงเดินผ่านช่องคิดเงินเครื่องก็จะทำรายงานออกมาได้ทันทีโดยไม่ต้องพลิกหา
เพื่อสแกนบาร์โค้ดคำนวณคาใช้จ่าย

“ซิสโก้ในต่างประเทศก็ได้วางระบบเน็ตเวิร์กให้กับผู้ค้ารายหนึ่งไปแล้ว
ถามว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เราไม่ได้ทำ RFID แต่เราวางระบบให้
ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำต่อไปคือต้องดูว่าจะเพิ่มฟีเจอร์ฟังก์ชันให้กับระบบ RFID อย่างไร
เช่นดูว่าจะเพิ่มความเร็วได้อย่างไร หรือจะเสริมในด้าน Security อย่างไร” วรกร สำทับ

WiMAX อีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ต้องจับตา เป็น Wireless ระยะไกลซึ่งระบบนี้มีความเสถียรสูง
มีความปลอดภัยสูง ประหยัดค่าใช้จ่าย และใช้บนย่านความถี่ทั่วไป
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่สามารถใช้ได้เพราะยังติดกฎระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวย

"คอนเวิร์จ เน็ตเวิร์ก” ปีนี้หนีไม่พ้น

ความเห็นจาก อารมณ์ พรประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนจำหน่าย
บริษัท นอร์เทล เน็ทเวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า... “ปี 2548
เทคโนโลยีทางด้านเน็ตเวิร์กจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

การผนวกโซลูชันที่เกี่ยวข้องทางด้านเน็ตเวิร์กต่างๆ
จะมารวมกันไม่ว่าจะเป็น ดาต้า วอยซ์ ซีเคียวริตี้ แอพพลิเคชัน ฯลฯ
จะผนวกรวมกันกลายเป็น คอนเวิร์จ เน็ตเวิร์ก"

เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นเทรนด์ที่โลกต้องมุ่งไป
การคอนเวิร์จนั้นจะให้ประสิทธิภาพได้ดีต้องอาศัยหลักการแบบ
โอเพ่น อินเทอร์เฟซ เพื่อที่จะให้สิ่งต่างๆ สามารถมาบรรจบกันได้อย่างไม่ติดขัด

สำหรับดาต้าและวอยซ์ที่จะต้องควบรวมกันเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
องค์กรใดที่มีระบบใดระบบหนึ่งจำต้องไมเกรตเข้าอีกระบบหนึ่งให้ได้
หรือองค์กรใหม่ที่กำลังจะพิจารณาการอิมพลีเมนต์เน็ตเวิร์กก็จะเลือกหาเครือข่ายแบบ "คอนเวิร์จ เน็ตเวิร์ก"

เส้นทางที่นอร์เทลจะมุ่งไปมีอยู่ 2-3 กลุ่ม ก็คือกลุ่มของ คอนเวิร์จ เน็ตเวิร์ก
เป็นโซลูชันที่ผนวกเอาความสามารถของวอยซ์และดาต้าเข้ามารวมกันในเน็ตเวิร์กเดียว
เน็ตเวิร์กที่เพิ่มขีดความสามารถทางด้านซีเคียวริตี้ และแอพพลิเคชันทางด้านมัลติมิเดีย อารมณ์
ยังเสริมว่า เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทรนด์ของเทคโนโลยีโลกที่ทุกคนกำลังจะมุ่งไป
และนอร์เทลก็พัฒนาโซลูชันของตัวเองให้สามารถ รองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่กำลังจะเกิดขึ้น


"โซลูชันดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความต้องการของลูกค้า ปัจจุบันนี้เวลาลูกค้าจะมองหาโซลูชันทางด้านเน็ตเวิร์ก
พวกเขาจะพิจารณาถึงตัวแบ็กโบน เน็ตเวิร์กที่จะต้องรองรับการทำงานได้ทั้งเสียง ข้อมูล และวีดีโอ
อีกทั้งยังต้องปลอดภัยจากเหล่าบรรดาแฮกเกอร์หรือรูปแบบการโจมตีเครือข่ายจากทั้งภายในภายนอก
สำหรับนอร์เทลเรากล้าที่จะบอกว่าผลิตภัณฑ์ของเราพร้อมที่จะรองรับความต้องการเหล่านั้น" อารมณ์ กล่าว

ทางด้านโซลูชันที่เกี่ยวกับมัลติมีเดีย อารมณ์ บอกว่านอร์เทลมีโซลูชันทางด้านแอพพลิเคชันหลายรูปแบบ
อาทิ คอลล์เซ็นเตอร์ จะนำเสนอให้สามารถเลือกใช้ได้ด้วย
เขายังบอกอีกว่าตลาดในเมืองไทยทางด้านเน็ตเวิร์กยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งนอกเหนือจากที่นอร์เทลจะจำหน่ายฮาร์ดแวร์แล้ว
ยังมีแผนที่จะผลักดันแอพพลิเคชันเข้าไปร่วมด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนี้คือเทคโนโลยีเทรนด์รวมทั้งโซลูชัน ของนอร์เทลที่จะออกมารองรับ
ก้าวเข้าสู่ยุคคอนเวอร์เจน

ขณะที่ "ศุภชัย เจียรวนนท์" กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สำทับไปในทิศทางเดียวกันถึงการเปลี่ยนแปลง
ที่จะเกิดขึ้นในปี 48 ว่า...เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคคอนเวอร์เจนที่แท้จริง เขาอธิบายว่า
การคอนเวอร์เจนเกิดขึ้นในหลายทาง อย่างฝั่งของคอนเทนต์และไอที ก็กำลังเดินเข้าหากัน
หรืออย่างฟากโอเปอเรเตอร์ทั้งสื่อสารโทรคมนาคม มีเดียและไอที
ทั้ง 3 อุตสาหกรรมก็กำลังเดินเข้าหากัน รวมถึงเวนเดอร์ที่มีทั้งเทเลคอม เวนเดอร์
คอนซูมเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ เวนเดอร์และไอที เวนเดอร์ ก็กำลังเดินเข้าหากัน
หรือแม้กระทั่งการเดินเข้าหากัน ของระบบโครงข่าย ที่เป็นฮาร์ดแวร์ก็เกิดขึ้น

"ผมมองและเชื่อมั่นว่าปี 48 นี้ อุตสาหกรรมโทรคมนาคาโดยรวมจะขยับเข้าสู่การคอนเวอร์เจน
ที่มีทั้งไอที มีเดีย คอนซูมเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ คอมเมิร์ซ
เห็นได้จากการขยับตัวของ ทรู รวมถึงค่ายอื่นขยับตัวตาม
เป็นผู้ให้บริการครบวงจร"
...นั่นคือคำพูดของศุภชัยที่ชึ้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการเข้าสู่ยุคของการคอนเวอร์เจน

โดยปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการคอนเวอร์เจนนั้น มาจากหลายส่วนอาทิ ตัวเทคโนโลยี
โครงสร้างตลาด ความต้องการตลาด และโครงข่าย ฯลฯ
ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญของการคอนเวอร์เจนกันทั้งระบบ

เน็ตเคลื่อนที่กำลังจะมา!

ความพร้อมเรื่อง IPv6 ในองค์กร และอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่จะได้รับความสำคัญเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตั้ง WiMax จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายเสมือนซึ่งการติดตั้ง WiMax
นั้นจะเชื่อมโยงโดยตรงกับโครงสร้างระบบเครือข่ายหลัก เพื่อจัดการกับการใช้งานของผู้ใช้จำนวนมาก
และเพื่อบริหารความปลอดภัยในการที่ต้องรองรับอุปกรณ์ IPv6
ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น รวมทั้งการสื่อสารเข้าระบบในแบบไร้สาย
ตามการคาดการณ์ระดับการใช้งานที่จะทะยานสูงขึ้นอย่างอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
อิสรา เปรมธรรมกร ผู้จัดการ ประจำประเทศไทยบริษัท จูนิเปอร์ เน็ทเวิร์คส์ จำกัด กล่าว

ในประเด็นของความปลอดภัยนั้น อิสรา มองว่าเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและความมั่นใจของคนเป็นหลัก
ซึ่งจัดว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของระบบเครือข่ายเสมือนในการที่องค์กรจะนำไปใช้งาน
อันเป็นเหตุผลประการสำคัญที่จูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์เห็นว่าความปลอดภัยเป็นประเด็นสำคัญ
เป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบ เพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วถึงในอุตสาหกรรมนี้
โดยต้องการให้องค์กรต่างเห็นความสำคัญ นำไปปรับใช้ ดังนั้นจูนิเปอร์
เน็ตเวิร์คส์จึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อจัดการกับปัญหาและนำเสนอโซลูชันเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

อิสรา ยังกล่าวถึงเทคโนโลยีที่โลกกำลังหมุนไป ต้องมีความฉลาดและให้ความรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดนั้นถือเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสำคัญอันดับหนึ่ง
ที่ต้องเร่งพัฒนาออกสู่ตลาดก่อนสิ่งอื่นใด "ทุกวันนี้ปัญหาทางเทคนิคที่เราก็คือ
การประสบปัญหาแบบได้อย่างเสียอย่าง คือ เราได้อย่างหนึ่งแต่ต้องขาดอีกอย่างหนึ่งไป
เช่น เราสามารถมีระบบที่เร็วแต่เรียบง่ายไร้ความซับซ้อนหรือมีระบบที่ฉลาด
แต่ทำงานช้าซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างใดก็ยอมรับไม่ได้ทั้งสิ้น" อิสรา ย้ำท้าย
อนาคตสตอเรจ

สตอเรจ เทคโนโลยีที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งในระบบเน็ตเวิร์ก
องค์กรใดมีข้อมูลจำนวนมากจะขาดระบบสตอเรจเสียมิได้
ทิศทางการสตอเรจในปีนี้เป็นอย่างไร อัคคมณฑ์ ศรีหิรัญ ผู้จัดการโครงการ
บริษัทอีเอ็มซี (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มเอนเตอร์ไพรส์
และเอสเอ็มอีในปีนี้ จะมีไอทีเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น โดยเฉพาะ ไอ สกัสซี (iSCSI)
ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบจัดเก็บข้อมูลที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจจัดเก็บหรือเรียกใช้ข้อมูลจากระยะไกลได้
และช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้มาก เมื่อเทียบกับไฟเบอร์แชนแนลโอเวอร์ไอพี หรือเอฟซีไอพี
ที่แม้ว่ามีความเร็วค่อนข้างสูง แต่ราคาแพง

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังให้ความสนใจในเรื่องของ Business Continuous
และ Disaster Recovery รวมถึง Storage System Management
ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ลูกค้าบางส่วนจะยังคงยึดติดกับ SAN
และ ไฟเบอร์ ชาแนล โอเวอร์ไอพีต่อไป

สำหรับทิศทางเทคโนโลยีสตอเรจในต่างประเทศนั้น อัคคมณฑ์ บอกว่า
จะเน้นด้านการเพิ่มความเร็วของ SAN ให้เร็วขึ้นกว่า 2 กิกะบิต
และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับสตอเรจ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าทำงานง่ายขึ้น และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้

มหันตภัยบนเครือข่าย

สำหรับภัยร้ายบนเครือข่ายก็ยังคงร้ายแรงด้วยความต่อเนื่อง แอนโทนี่ ลิม
ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัยประจำภูมิภาคเอเชียใต้
บริษัท คอมพิวเตอร์ แอสโซซิเอทส์ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ หรือซีเอ
ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มของระบบรักษาความปลอดภัยในปีนี้ว่า
เริ่มปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งประกอบด้วย สแปม, สปายแวร์,
การลักลอบใช้ช่องโหว่และการบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์

โดย สแปม เป็นวิธีการโจมตีคอมพิวเตอร์รูปแบบใหม่
ที่ทุกวันนี้กลายเป็นเครื่องมือเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการ
อาทิ นาฬิกาปลอม ยาปลอมหรือยาราคาถูก โฆษณาการพนัน สื่อลามก
บริการทางการเงินนอกกฎหมาย รวมถึงซอฟต์แวร์ปลอมหรือซอฟต์แวร์ราคาถูก
ของเหล่ามิจฉาชีพ หรือผู้ก่ออาชญากรรม

ขณะที่ สปายแวร์ คือ รูปแบบการคุกคามจากอินเทอร์เน็ต ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับแอดแวร์
ซึ่งอาศัยการฝังตัวเองในเครื่องพีซีในรูปของคุกกี้ จาวา แอพเพล็ต แอ็กทีฟ เอ็กซ์ และ เอเจนท์
โดยแทนที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลทางการตลาดหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับงานลูกค้าสัมพันธ์
แต่กลับขโมยข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ของผู้ใช้ส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง

“สปายแวร์อันตรายต่อระบบ เพราะทำงานคล้ายม้าโทรจัน
คือหลังจากเข้าไปในเครื่องพีซีได้แล้วจะขโมยข้อมูลสำคัญ
อาทิ รหัสผ่าน ข้อมูลเครดิตการ์ด หรือข้อมูลส่วนตัว
ขณะที่โซลูชั่นไฟร์วอลล์และป้องกันไวรัสแบบดั้งเดิมไม่สามารถเฝ้าระวัง
และหยุดการทำงานของสปายแวร์ได้” ลิม อธิบาย

ส่วน การลักลอบใช้ทรัพยากรโดยอาศัยช่องโหว่ของซอฟต์แวร์นั้น
มีปริมาณเพิ่มขึ้นและรวดเร็วจนอยู่ในระดับที่ผู้ผลิตระบบรักษาความปลอดภัยไม่สามารถค้นพบ
ดำเนินการป้องกัน และเผยแพร่ข่าวสารสู่สาธารณชนได้ อีกทั้งพบด้วยว่าเกิดจากขบวนการก่ออาชญากรรม
ไม่ใช่แฮกเกอร์หรือนักศึกษาอีกต่อไป

ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ประสบปัญหาช่องโหว่ในปัจจุบัน ไม่ได้มีเพียงแค่ไมโครซอฟท์เท่านั้น
แต่ระบบปฏิบัติการของเราเตอร์ก็อาจประสบปัญหาเช่นเดียวกันได้

“การบริหารจัดการช่องโหว่จะต้องดำเนินควบคู่ไปกับระบบบริหารจัดการทรัพย์สินด้านไอที
เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทต่างๆ ประสบภัยคุกคามจากแฮคเกอร์และเวิร์มนั้น
เป็นผลมาจากการใช้ซอฟต์แวร์ผิดเวอร์ชัน ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้ผลิตเพื่อการใช้งานอย่างแท้จริง
หรือซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย รวมถึงอาจใช้โปรแกรมยูทิลิตี้ที่ดาวน์โหลดฟรีจากอินเทอร์เน็ตหรือจากเพื่อน” ลิม กล่าว

สำหรับเทคโนโลยีและโซลูชันที่ทางซีเอ จะออกมาสนับสนุนแนวโน้มตลาดระบบรักษาความปลอดภัยที่ว่านี้
ประกอบด้วย ซีเคียว คอนเท็นต์ แมเนเจอร์ หรือเอสซีเอ็ม
โซลูชันที่สามารถปกป้องเครือข่ายภายในองค์กร หรือเครือข่ายท้องถิ่นจากสแปม ไวรัส
รหัสที่แฝงเจตนาร้ายได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ทั้งยังกรอง URL และเนื้อที่มีการส่งข้อมูลสองทิศทาง
(เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งโทรจันและเวิร์มจะไม่สามารถขโมยข้อมูลจากระบบได้)

รวมถึง เพสต์พาโทร หรือพีซี โซลูชันป้องกันไวรัส
ที่สถาบันวิจัยสปายแวร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกยกย่องให้เป็นโซลูชันป้องกันไวรัสตัวแรกที่มีความสมบูรณ์มากสุด
และ วัลเนอราบิลิตี้ แมเนเจอร์ หรือวีเอ็ม ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่แค่สแกนเครือข่ายในองค์กรทั้งหมด
แต่เป็นระบบบริหารจัดการทรัพย์สินซอฟต์แวร์ (ซึ่งประกอบด้วยเราเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ
ที่ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์) ที่สามารถทำงานร่วมกับผู้ผลิตซอฟต์แวร์ สถาบันวิจัยเรื่องช่องโหว่
และองค์กรอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อจัดทำแพทช์ที่ป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยให้อัพเดตที่สุดอยู่เสมอ
ด้วยการติดตั้งแพทช์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสหรือหนอนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ
และแนะนำวิธีการปรับแต่งค่าการทำงานที่มีประสิทธิผลสำหรับกรณีที่ยังไม่มีแพทช์จากผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใดช่วยแก้ปัญหาได้

ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จะมากหรือน้อย ต้องติดตาม!
__________________________________________________________________


http://www.pakxe.com/home/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=483


ระบบบ่งชี้อัตโนมัติ (Automatic Identification , Auto ID) อาจเป็นคำที่ไม่คุ้นเคย แต่ใกล้ตัวที่สุดของทุกคน ระบบ Auto ID ที่ทุกคนคุ้นเคยที่สุดคือ ระบบบาร์โค้ด (Barcode System) ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในหีบห่อสินค้า กล่อง ขวด สินค้าในร้านสะดวกซื้อทุกชนิด รวมถึงสินค้าในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ โดยบาร์โค้ดประกอบด้วย แท่งสีดำ และช่องห่างระหว่างแท่งจะเป็นสีขาวหรือสีพื้น วางขนานกันในแนวตั้ง มีระยะห่างและความหนาต่างกันไป แล้วใช้เครื่องอ่านแบบเลเซอร์ ยิงแสงเลเซอร์ไปที่แถบบาร์โค้ด เพื่ออ่านข้อมูล ชนิดของบาร์โค้ดที่นิยมมากที่สุด เป็นชนิด EAN Code (European Article Number)
__________________________________________________________________

ระบบที่โดดเด่นรองลงมา คือ ระบบสมาร์ทการ์ด (Smart Card System) ซึ่งจะนำมาใช้เป็นบัตรประชาชนของคนไทยเร็ว ๆ นี้ แต่มีข้อจำกัดคือ เป็นแถบแม่เหล็กหรือไมโครชิป ในการอ่านเขียนข้อมูล ซึ่งทำให้เกิดการสึกหรอกับเครื่องอ่านได้ง่าย

ระบบที่มาแรง และมีการเริ่มใช้อย่างแพร่หลาย ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตอนนี้ คือ ระบบ RFID (Radio Frequency Identification) ระบบนี้จะคล้ายกับสมาร์ทการ์ด คือ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในการ์ดหรือ Tags แต่ข้อแตกต่างที่เด่นชัดคือ การอ่านข้อมูลของระบบนี้ ไม่ต้องสัมผัสเหมือนสมาร์ทการ์ด เพราะใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในช่วงคลื่นความถี่วิทยุ เป็นพาหะในการสื่อสารข้อมูล

ส่วนประกอบของระบบ RFID

* ฉลาก หรือ Data Carrier หรือมักจะเรียกง่าย ๆ ว่า Tags ซึ่งใช้เก็บข้อมูล และติดอยู่กับวัตถุ หรือสินค้าที่ต้องการระบุ
* เครื่องอ่าน (Reader) ประกอบด้วยระบบรับ-ส่งสัญญาณวิทยุ ส่วนควบคุมและเสาอากาศ (Antena) ทำหน้าที่คล้องสัญญาณกับ Tags และส่วนของการติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ควบคุมภายนอก (RS232C, RS485 , RS422) ขึ้นอยู่กับการสื่อสารที่ต้องการ




ถ้าอธิบายกันเฉย ๆ คงไม่เห็นภาพ ยกตัวอย่างสิ่งที่ใกล้ตัว หรือ ชีวิตประจำวันของคนไทย คงจะทำให้เข้าใจขึ้น เช่น ในห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านขายเทป/ซีดี ร้านค้าซึ่งมีทางเข้าออกหลายทาง จะพบเห็นอุปกรณ์ชิ้นนึง ตั้งอยู่ประตูทางเข้า-ออก หรือ ด้านหลังพนักงานเก็บเงิน (ตามภาพประกอบ) ซึ่งเป็นระบบการตรวจสอบการจ่ายเงินของสินค้า เมื่อเข็นรถเข็นหรือหิ้วถุงสินค้าผ่านเครื่องดังกล่าว หากมีสินค้า ชิ้นใดยังไม่จ่ายเงิน เครื่องก็จะส่งเสียงร้องเตือนทันที ระบบดังกล่าวก็คือ การติด Tags ของ RFID นั่นเอง โดยห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านค้า มักจะติดระบบ RFID กับสินค้าบางชิ้นที่มีราคาแพง หรือ ชิ้นเล็กแต่พกพาหรือซุกซ่อนได้ง่าย ถ้าเป็นร้านขายเทป/ซีดี อาจจะติดไว้บนสินค้าทุกชิ้นก็ได้

RFID ที่คุ้นเคยสำหรับผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็คือ บัตรโดยสารทั้งแบบชั่วคราว (เหรียญ) และแบบเติมเงิน ซึ่งสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับเครื่องอ่าน เพียงแต่นำบัตรหรือเหรียญค่าผ่านทาง ให้ไปอยู่ในรัศมีการอ่านของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น บางคนก็เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าถือ แล้วนำกระเป๋าไปวางใกล้ ๆ เครื่องอ่าน เพื่อให้เครื่องค้นหาและอ่านข้อมูลเองได้เลย


คุณสมบัติเด่นของ RFID

* อ่าน/เขียนได้โดยไม่ต้องสัมผัส
* ทนต่อสภาพแวดล้อมและสิ่งสกปรก เพราะใช้คลื่นความถี่วิทยุเป็นพาหะในการอ่านข้อมูล
* อ่าน/เขียนข้อมูลได้สะดวก เพราะเครื่องอ่าน/เขียนเป็นเครื่องเดียวกันได้เลย
* สื่อสารได้ทุกทิศทาง ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงหน้ากับเครื่องอ่าน
* สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (สูงสุด 100,000 ครั้งต่อ 1 Tags)
* มีหลากหลายแบบให้นำไปประยุกต์ใช้งานได้
* ความสามารถในการทะลุทะลวงของสัญญาณดี สามารถใช้ Tags ฝังเข้าไปในวัตถุหรือสินค้าได้
* สื่อสารได้ระยะไกล ตั้งแต่ 0-10 เมตร
* หน่วยความจำขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 1 บิต (ระบบ EAS ที่ใช้ในห้างสรรพสินค้า เพื่อตรวจการจ่ายเงินของสินค้า) หรือ 8-64 กิโลไบต์ สำหรับสินค้าที่ต้องการบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ มากขึ้น
* อ่าน/เขียนได้มากว่า 1 Tags เมื่อมี Tags เข้ามาในรัศมีการอ่านมากกว่า 1 Tags
* อ่าน/เขียนข้อมูลขณะวัตถุกำลังเคลื่อนที่ได้ ซึ่งเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องลำเลียงสินค้าผ่านสายพาน หรือ ใช้คัดแยกหรือติดตามพัสดุไปรษณีย์ได้

ในอนาคตอันใกล้ ระบบบาร์โค้ด จะถูกแทนที่ด้วยระบบ RFID ซึ่งเริ่มมองเห็นการใช้งานบ้างแล้วในชีวิตประจำวัน เช่น บัตรโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน การติด Tags ในสินค้าของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และบริษัทหรือโรงงานที่ต้องการความยืดหยุ่นและจุดเด่นต่าง ๆ ของ RFID ต่างก็เริ่มประยุกต์ใช้กันแล้ว


_______________________________________________________

http://www.barcoderetail.co.th/aboutus/content.php?id=26

http://www.intermec.com

http://www.intermec.com

http://www.simat.co.th/

http://www.grand-flo.com/

http://www.barcode-wiseness.com/

http://www.barcodethailand.com/contactus2.php

http://www.gunnerbarcode.com/

http://www.scanhitech.com/Default.aspx

http://www.citysoft.co.th/Main.asp

http://www.csretail.co.th/products/product_mf.php?id=14

http://acentech.net/cms/

http://www.lagasgold.com/lagas/service.html

http://www.lagasgold.com/lagas/franch1.html

http://www.tarad.com/creativelabelprinting/#News

http://www.lannapos.com/about_us.php

One World Government RFID 666 part 1




http://www.youtube.com/watch?v=O-1ISx68w1s&feature=related

RFID, The Good, Bad & Ugly.




http://www.youtube.com/watch?v=IC7HEZ-Luy4&feature=related

RFID Clipped Tag



http://www.youtube.com/watch?v=95VOxKp0s74&feature=related

RFID Passport Shield Failure Demo - Flexilis


http://www.youtube.com/watch?v=-XXaqraF7pI&feature=related

RFID



http://www.youtube.com/watch?v=Qnw9Yf5nO5M&feature=related

Future RFID




http://www.youtube.com/watch?v=sSlEa1udYGw&feature=related

Metro Future Store



http://www.youtube.com/watch?v=oHKcDTY2v7s&feature=related

คลิป นี้เป็นหุ่นยนต์ โรงงาน ระบบสายพาน



http://www.youtube.com/watch?v=hPqUUR5OFJg&feature=related

RFID Checkout in Supermarket





http://www.youtube.com/watch?v=-ZYY85IyDNM&feature=related

GIS Solutions RFID Demonstration



http://www.youtube.com/watch?v=FVmD4iTXRLE&feature=related

logistics RFID




http://www.youtube.com/watch?v=4Zj7txoDxbE&feature=related

บาร์โค้ด(barcode)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บาร์โค้ด (barcode) เป็นหนึ่งในหลายวิธีที่ได้ผลดีเยียมที่สุด
ในการตรวจสอบสินค้าขณะขาย, การตรวจสอบยอดการขาย และสินค้าคงคลัง
เราสามารถที่จะอ่านรหัสบาร์โค้ดได้ โดยใช้สแกนเนอร์หรือเครื่องอ่านบาร์โค้ด
ซึ่งวิธีนี้จะรวดเร็วกว่าการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์หรือการอ่านด้วยสายตา
บางครั้งเราจะเห็นเครื่องเหล่านี้ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางที่เราก็อาจจะคาดไม่ถึง ว่าจะนำไปใช้ได้

แต่เดิมมีการใช้บาร์โค้ดในร้านขายของชำและตามปกหนังสือ
ต่อมาพบในร้านอุปกรณ์ประกอบรถยนต์และร้านอุปโภคบริโภคทั่วไป
ในแถบยุโรป รถบรรทุกทุกคัน ที่จะต้องวิ่งระหว่างประเทศฝรั่งเศสและประเทศเยอรมนี
จะต้องใช้แถบรหัสบาร์โค้ดที่หน้าต่างทุกคัน เพื่อใช้ในการแสดงใบขับขี่
ใบอนุญาต และน้ำหนักรถบรรทุก แก่เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถตรวจได้ง่ายและรวดเร็ว
ในขณะที่รถลดความเร็ว เครื่องตรวจจะอ่านข้อมูลจากบาร์โค้ด และแสดงข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทันที

การพัฒนา
บาร์โค้ด 2 มิติ
บาร์โค้ด 2 มิติ

ปัจจุบันได้มีการนำบาร์โค้ด 2 มิติมาใช้งาน สำหรับข้อมูลที่มีจำนวนมาก
รวมถึงการนำเทคโนโลยีRFID
ซึ่งเป็นการตรวจสอบข้อมูลผ่านทางคลื่นวิทยุ แทนที่เลเซอร์เหมือนบาร์โค้ดในปัจจุบัน




Q:สัญลักษณ์เลข 666 มาจากไหน

A: 666 หรือสัญลักษณ์ของสัตว์ร้ายนั้นมาจากพระคำภีร์บทนี้

วว 13:11-18
ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้นดิน มีสองเขาเหมือนลูกแกะ
พูดเหมือนมังกร มันใช้อำนาจทั้งหมดของสัตว์ร้ายตัวแรก
เมื่อสัตว์ร้ายตัวนี้ทำให้แผ่นดินและผู้อาศัยบนแผ่นดินกราบนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรก
ที่มีบาดแผลฉกรรจ์ถึงตายแต่หายแล้ว สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้ทำปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่
แม้กระทั่งไฟมันก็ทำให้ตกจากท้องฟ้าลงบนแผ่นดินต่อหน้ามนุษย์ได้
มันใช้ปาฏิหาริย์ที่มันได้รับอำนาจให้ทำได้เมื่อสัตว์ร้ายตัวแรกหลอกลวงผู้อาศัยบนแผ่นดินให้หลงไป
โดยชักชวนเขาให้สร้าง รูปปั้นถวายแด่สัตว์ร้ายที่ยังมีชีวิตอยู่แม้ถูกดาบฟันเป็นแผลฉกรรจ์แล้ว
สัตว์ตัวที่สองนี้ได้รับอำนาจให้ชีวิตแก่รูปปั้นของสัตว์ร้ายตัวแรก เพื่อให้รูปปั้นนั้นพูดได้
และได้รับอำนาจประหารชีวิตทุกคนที่ไม่ยอมกราบนมัสการรูปปั้นของสัตว์ร้าย
สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้บังคับทุกคน ทั้งผู้น้อย ผู้ใหญ่ ทั้งคนมั่งมีและคนยากจน
ทั้งคนอิสระและทาส ให้สักตราไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผาก ไม่มีใครซื้อขายได้
ถ้าไม่มีตราคือนามของสัตว์ร้ายหรือจำนวนเลขของนามนั้น
ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้
เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือ 666

---------------------------------------------------------------

แต่เลข 666 นั้นก็เป็นสัญลักษณ์อีกเหมือนกันซึ่งก็มีการตีความหลากหลายกันไป
มีทั้งแปลออกมาได้เป็น Computer , บาร์โค้ด ฯลฯ
ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเพราะในอนาคตอันใกล้นี้มนุษย์จะไม่ต้องพกบัตรเครติด
หรือบัตรประจำตัวแล้ว เพราะเรากำลังมีสิ่งที่เรียกว่าไมโครชิพ(mocrochip)
(อ้างอิง http://www.imf.org/external/np/exr/facts/sdr.HTM )

วันที่ 31 มีนาคม 1969 ธนาคารโลกหรือ IMF
ได้ประกาศระบบแลกเปลี่ยนเงินตราแบบใหม่โดยไม่ผูกกับธนบัตรหรือทองคำ
แต่ไปผูกกับระบบเครติดใหม่โดยใช้ตัวเลขชื่อว่าระบบ S.D.R (Special Drawing Right)

ในปี 1976 SDR ได้เริ่มดำเนินการโดยใช้ทองคำสำรองการเงิน
ซึ่งระบบนี้ประกอบขึ้นโดยใช้หมายเลขซึ่งในหนังสือคอมพิวเตอร์ระหว่างนานาชาติ
จะกำหนดเดบิตและเครติต(รายรับรายจ่าย)ของสมาชิกแต่ละชาติ
ซึ่งระบบเงินตราแบบใหม่นี้ เพื่อจะใช้ได้ในระดับส่วนบุคคล มีความจำเป็นจะต้องประกอบไปด้วย

1. รหัสระหว่างนานาชาติของผลิตภัณฑ์(บาร์โค้ด)
บาร์โค้ดของสิ้นค้านั้นทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ซื้อขายของ ทั่วโลก จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันดังนี้
และแน่นอน แถบกลางที่เป็นเส้นคู่แบบนี้ || เมื่อถอดใน Computer
แล้วก็จะอ่านได้เป็นเลข 6 เป็นเหมือนกันกับสินค้าทุกชนิดทั่วโลก
(ไม่เชื่อลองเอาบาร์โค้ดของสินค้าที่ซื้อมาเทียบดูจะมีเส้นที่เหมือนกันทุกอันคือเส้นของเลข 666)

2.เครื่องคอมพิวเตอร์
ไม่ว่าจะซื้อเข้าหรือขายออกจำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
3.S.D.R
จำเป็นที่ S.D.R ต้องถูกนำมาใช้ มิใช่แค่ภายในประเทศใด้ประเทศหนึ่งเท่านั้น
แต่ต้องเป็นในระดับส่วนบุคคลด้วย(รายบุคคล)และใช้ทั่วโลก

4.หมายเลขบัญชีประจำตัว
แต่ละบุคคลต้องได้รับหมายเลขประจำตัวซึ่งเป็นเลขบัญชีเฉพาะตัว
เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์นานาชาติ

5.หมายเลขที่ประทับลงบนมือขวาหรือหน้าผาก
เป็นเรื่องจำเป็นที่ไมโครชิพจะต้องประทับลงบนมือขวา
หรือหน้าผากโดยแสงเลเซอร์ซึ่งจะไม่เจ็บและตาเปล่ามองไม่เห็น

Dr.Carl W.Sanders นักประดิษฐ์วิชาการและที่ปรึกษาขององค์กรรัฐบาล IBM General
Electric,Honeywell และ Teledyne กล่าวว่า

"การฝังไม่โครชิพนั้นต้องอาศัยพลังงานในการชาร์จไฟ
ซึ่งการจะฝังในร่างกายมนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะนำออกมาชาร์จไฟได้
เราจึงต้องอาศัยการเปลี่ยนอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ซึ่งจะต้องต่อวงจรของชิพ
ให้มีการชาร์จไฟทุกครั้งที่อุณหภูมิของร่างกายเปลี่ยนอุณหภูมิ
ได้มีการใช้เงินไปถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ในการค้นหาจุดของร่างกายที่มีการเปลี่ยนอุณหภูมิที่เร็วที่สุด
ซึ่งเหมาะแก่การฝังไมโครชิพคือที่ หน้าผาก และ หลังข้อมือ "
______________________________________________________________________

อาร์เอฟไอดี(RFID ย่อมาจากคำเต็มว่า Radio-frequency identification)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อาร์เอฟไอดี (RFID ย่อมาจากคำเต็มว่า Radio-frequency identification)
เป็นวิธีการในการเก็บข้อมูลหรือระบุข้อมูลแบบอัตโนมัติ
โดยทำงานผ่านการรับสัญญาณจากแท็กเข้าสู่ตัวส่งสัญญาณ ผ่านทางคลื่นวิทยุ
แท็กของอาร์เอฟไอดีโดยปกติจะมีขนาดเล็กซึ่งสามารถติดตั้งเข้ากับผลิตภัณฑ์สินค้า สัตว์ บุคคลได้
ซึ่งเมื่อตัวส่งสัญญาณส่งคลื่นวิทยุไป และพบเจอแท็กนี้
สัญญาณจะถูกส่งกลับพร้อมกับข้อมูลที่เก็บไว้ในแท็ก
โดยตัวส่งสัญญาณนี้เองยังสามารถบันทึกข้อมูลลงในแท็กได้

แท็กอาร์เอฟไอดีจะประกอบไปด้วยสองส่วนหลักคือ
ส่วนวงจรไฟฟ้าที่เก็บข้อมูลและคำนวณการของข้อมูล
และอีกส่วนคือส่วนเสาอากาศหรือตัวรับส่งสัญญาณ